WE ARE COMSEVEN

โครงสร้างและการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท

นโยบายและภาพรวมการประกอบธุรกิจ

บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ประกอบธุรกิจหลักในการค้าปลีกสินค้าไอที เช่น คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบพกพา โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต และอุปกรณ์ไลฟ์สไตล์ทันสมัยอีกมากมายโดยในปี 2539 บริษัทได้เริ่มดำเนินธุรกิจจากการเป็นร้านค้าปลีกสินค้าไอทีในห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ซึ่งกลุ่มผู้ก่อตั้งได้เล็งเห็นถึงโอกาสของการเติบโตในธุรกิจสินค้าไอที ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยมีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไม่ถึงร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ กลุ่มผู้ก่อตั้งจึงได้รวมตัวกันก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2547 เพื่อจำหน่ายสินค้าไอทีในลักษณะค้าส่งให้แก่ร้านค้าทั่วประเทศซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในขณะนั้น รวมทั้งขายปลีกผ่านหน้าร้านของตัวเองภายในห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่าต่อมาผู้บริหารของบริษัทเห็นว่าธุรกิจขายปลีกสินค้าไอทีมีโอกาสในการเติบโตและมีข้อดีมากกว่าการขายส่งจึงได้ปรับนโยบายการทำธุรกิจของบริษัทให้เน้นการขายปลีกมากกว่าขายส่ง โดยการเพิ่มจำนวนร้านค้าปลีกให้มากยิ่งขึ้นผ่านการขยายสาขาร้านค้าของบริษัทไปยังศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าต่างๆ

COM7 BUSINESS MODEL

1. ธุรกิจค้าปลีก (Retail)

ปัจจุบันบริษัทมีสาขาครอบคลุม 76 จังหวัด จาก 77 จังหวัดในนามของชื่อร้าน BaNANA, Studio7, BaNANA Mobile, BaNANA Equip, BaNANA Outlet, Banana Stand Alone, BKK, KingKong Phone, Bb, B-Play, Bb-Move และ Brand Shop แบ่งเป็น 5 ลักษณะ คือ (1) ร้านค้าที่ขายปลีกสินค้าไอที (2) ร้านค้าที่ขายสินค้าแบรนด์ Apple(3) ร้านค้าที่เน้นขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (4) ร้านค้าแบรนด์ช็อปอื่นๆ (5) ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยร้านค้าของบริษัทรูปแบบต่างๆ มีลักษณะและประวัติความเป็นมา ดังต่อไปนี้

  • 1) ร้านขายปลีกสินค้าไอที – จากนโยบายของบริษัทในปี 2552 ที่ต้องการเพิ่มช่องทางการขายปลีกไปยังศูนย์การค้าต่างๆ บริษัทได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ร้านค้าขายสินค้าไอที ซึ่งในขณะนั้นมีอยู่ประมาณ 100 สาขา และแต่ละร้านมีชื่อที่หลากหลายให้เปลี่ยนมาใช้ชื่อเดียวกันทั้งหมดภายใต้ชื่อ BaNANAซึ่งนับเป็นการสร้างแบรนด์ของบริษัทให้ง่ายต่อการจดจำ รวมทั้งปรับภาพลักษณ์และบรรยากาศภายในร้านให้การเลือกซื้อสินค้าไอทีเป็นเรื่อง “ง่าย ง่าย” เพื่อรองรับผู้บริโภคที่มีแนวโน้มในการใช้งานสินค้าไอทีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสาขาของบริษัทส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด ตามแหล่งชุมชนต่างๆ เช่น ห้างสยามพารากอน ห้างเอ็มควอเทียร์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา ห้างเดอะมอลล์ทุกสาขา ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างซีคอนสแควร์ ห้างฟิวเจอร์พาร์ค ห้างโลตัส ห้างบิ๊กซี และห้างท้องถิ่นตามจังหวัดสำคัญต่างๆ

    ต่อมา ในปี 2561 บริษัทมีนโยบายการทำระบบร้านค้าเครือข่าย (Franchise) ภายใต้ชื่อร้าน “BaNANA” เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs เน้นตลาดต่างจังหวัดในพื้นที่อำเภอรอง ที่ยังไม่มีสาขาของบริษัท ซึ่งระบบการบริหารจัดการและการจัดส่งสินค้าให้กับร้าน Franchise ทางบริษัทเป็นฝ่ายซัพพอร์ตให้ทั้งหมด เพื่อที่จะผลักดันยอดขายให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

    ในปีเดียวกันบริษัทได้เปิดตัว “BaNANA Outlet” แลนด์มาร์คไอทีสำหรับสินค้าลดราคาที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ณ ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ และปัจจุบันมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 ที่ คือ สาขามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ และ สาขาสยามพรีเมี่ยม เอ้าท์เล็ท

    ปี 2564 บริษัทได้เปิดตัว Banana Stand alone เพื่อขยายพื้นที่สาขาเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น โดยในปีนี้เปิดไปแล้ว 9 สาขาและยังคงมีแผนจะขยายจำนวนสาขา Banana Stand alone ต่อไป นอกจากนี้ยังได้เข้าทำสัญญาฝากขายสินค้าไอที ในพื้นที่ ห้าง Big C กว่า 45 สาขา เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มพื้นที่ในการขายสินค้า

    ปี 2565 ได้รับสาขาจาก Power ONE เดิมจำนวน 30 สาขา เพื่อมาเปิดร้านขายสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมเข้าทำการปรับพื้นที่ในสาขาเกษตรนวมินทร์เป็น Flagship Store และ ที่ยังดำเนินการต่อเนื่องคือการเปิดสาขา Standalone อีก 24 สาขาในปีนี้

  • 2) ร้านค้าที่เน้นขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ – บริษัทได้เล็งเห็นถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้สินค้าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

    ในปี 2556 บริษัทจึงได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตโดยเฉพาะภายใต้ชื่อร้าน “BaNANAMobile” เพื่อให้ลูกค้าจำแนกและจดจำแบรนด์ของร้านได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และได้มีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมไปยังภูมิภาคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

    ปี 2559 บริษัทได้ซื้อทรัพย์สินของบริษัท บางกอก เทเลคอม 999 จำกัด ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์เสริม ภายใต้แบรนด์ “BKK” จำนวน 44 สาขา เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าอีกช่องทางหนึ่ง

    ปี 2561 บริษัท บานาน่า กรุ๊ป จำกัด (บริษัทย่อย) ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ดีเอ็นเอ รีเทลลิงค์ จำกัด เพื่อขยายกิจการจำหน่ายเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดภายใต้แบรนด์ “KingKong Phone” จำนวน 95 สาขา

    ปี 2563 บริษัทได้ทำสัญญาซื้อทรัพย์สินของบริษัท ไอบิส พลัส เน็ทเวอร์ค จำกัดซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคมรวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้แก่ ร้าน IBIZ Shop, ร้าน OPPO, ร้าน Huawei, ร้าน VIVO, ร้าน WIKO, ร้าน Realme และ ร้าน Samsung Brand Shop รวมจำนวน 51 สาขาและในปีเดียวกันบริษัทได้ซื้อทรัพย์สินของบริษัท บุญชัยธุรกิจหาดใหญ่ จำกัด, บริษัท บุญชัยค้าส่งจำกัด, บริษัท วิชั่นส์ ไอทีจำกัดประกอบธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคมรวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้แก่ ร้านบุญชัยช็อป, ร้าน OPPO, ร้าน Huawei, ร้าน VIVO ,ร้าน Xiaomi ,ร้าน Realme และ ร้าน Samsung รวม 22 สาขา จึงทำให้บริษัทมีช่องทางในการจำหน่ายที่มากขึ้น

  • (3) ร้านขายสินค้าแบรนด์ Apple – สินค้าของ Apple ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และสินค้าไอทีนับตั้งแต่การเปิดตัวเครื่องเล่นเพลง iPod ในปี 2544 ต่อเนื่องมาถึงการเปิดตัว iPhone และ iPad ในปี 2550 และ 2553 ตามลำดับ ส่งผลให้การใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินค้าแบรนด์ Apple บริษัทได้เข้าทำสัญญาเป็น Authorized Reseller กับ Apple South Asia (Thailand) Ltd. (Apple) ในปี 2548 เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ภายใต้ชื่อร้าน Studio7 และร้าน U-Store เป็นร้านขายสินค้าแบรนด์ Apple ที่เปิดภายในบริเวณมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ให้กับนักเรียนและนักศึกษามหาวิทยาลัยปัจจุบันปี 2564 บริษัทมีจำนวนร้าน Studio7 ทั้งหมด94 สาขา และ U-Store ทั้งหมด13 สาขา

  • (4) ร้านแบรนด์ช็อป – นอกจากบริษัทจัดทำร้านค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองแล้ว บริษัทยังมีร้านค้าแบรนด์ช็อปอื่นๆ เช่น Samsung Shop, Oppo Shop, Huawei Shop, Vivo Shop และ Xiaomi Shop ซึ่งร้านค้า

    แบรนด์ช็อปต่างๆที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเจ้าของแบรนด์ทั้งในการขยายสาขา และการจัดรายการส่งเสริมการขายต่างๆ โดยร้านค้าแบรนด์ช็อปเหล่านี้ ส่งผลดีต่อทั้งบริษัทและแบรนด์สินค้า ทั้งในด้านของความน่าเชื่อถือ และการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของแบรนด์ชั้นนำต่างๆ

  • (5) ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า– บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมูลค่าตลาดสูง และมีการแข่งขันอย่างกว้างขวาง ในปลายปี 2564 ทางบริษัทได้เข้าเจรจากับบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด เพื่อขอเข้าดำเนินการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า แทนแบรนด์ POWER ONE เดิม โดยบริษัทได้เข้าบริหารแทนทั้งหมด 30 สาขา และ เปลี่ยนชื่อเป็น Banana

    หลังจากที่บริษัทได้เข้าดำเนินการ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงจากการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเป็นการขายสินค้าสมาร์ทโฟน แกดเจด และ สินค้าไลฟ์สไตล์อื่นๆ เพิ่มเติม

ธุรกิจเชิงพาณิชย์และลูกค้าองค์กร (B2B)

การขายให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรรวมทั้งที่เป็นสถาบันการศึกษา บริษัทเรียกธุรกิจนี้ว่า Commercial/Enterprise และ Education คือการขายตรงไปยังบริษัททั่วไปที่เป็นนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมถึงมหาวิทยาลัย และโรงเรียนต่างๆ โดยอาศัยจุดแข็งของธุรกิจค้าปลีกที่มีสาขาทั่วประเทศ ในการรับลูกค้าแบบองค์กรและนักเรียน นักศึกษา สถาบันจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของสินค้าไอทีที่มีประสิทธิภาพและความซับซ้อนมากขึ้น ภาคธุรกิจและการศึกษาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหา ปรับปรุงอุปกรณ์ รวมถึงเทคโนโลยีให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้ตอบสนองต่อการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยบริษัทมองเห็นความต้องการดังกล่าวในทุกหน่วยงาน เช่น ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หรือองค์กรของภาครัฐ บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการขาย และการต่อยอดธุรกิจ จึงมีหน่วยงานสำหรับธุรกิจนี้โดยเฉพาะ

ธุรกิจบริการ (Service)

บริการหลังการขายของบริษัทสามารถแบ่งได้เป็นสองลักษณะคือ (1) ศูนย์ซ่อมและบริการสินค้า Appleในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “iCare” และ (2) ร้านให้บริการ TRUE Shop ภายใต้ชื่อ “TRUE by Com7”

ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ (Online)

ปัจจุบันการซื้อสินค้าออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค บริษัทจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญและได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าออนไลน์เพื่อเข้ามาเติมเต็มความแข็งแกร่งของธุรกิจทั้งจากการขายผ่านหน้าร้านและออนไลน์ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนตามยุคสมัยภายใต้แนวทาง O2O (Online to Offline หรือ Offline to Online) เพื่อเพิ่มความสะดวกและมั่นในในการเลือกซื้อและใช้บริการผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และหน้าร้านที่มีครอบคลุมทั่วประเทศผ่านช่องทางชื่อ www.bnn.in.th (Banana Online) และ https://www.studio7thailand.com/th (Studio7 Online) เพื่อจัดจำหน่ายสินค้า อุปกรณ์ไอที สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค แกดเจ็ต อุปกรณ์เสริม คอมพิวเตอร์ประกอบ สมาร์ทวอช เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมทั้งอุปกรณ์ไลฟ์สไตล์ ทันสมัยอีกมากมายกว่า 10,000 รายการ จากกว่า 100 แบรนด์สินค้าดังระดับโลก ทั้ง Apple, Asus, Acer, Toshiba, Dell, Samsung, Lenovo, Microsoft, HP, JBL , Xiaomi

ธุรกิจประกันภัย (Insurance)

ด้วยพื้นฐานการประกอบธุรกิจหลัก คือการค้าปลีกสินค้าไอที เช่น คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบพกพา โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต และอุปกรณ์ไลฟ์สไตล์ทันสมัยอีกมากมาย บริษัทมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ที่สำคัญมีเครือข่ายการขาย การให้บริการลูกค้าครบวงจร ครอบคลุมทั่วประเทศ ธุรกิจประกันภัย จึงเป็นอีกธุรกิจที่บริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพ เพราะการมีเครือข่ายที่ครอบคลุม มีจุดเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย และเป็นตลาดเฉพาะ ย่อมส่งผลด้านบวกโดยตรงกับธุรกิจประกันภัย นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์ หรือแบบประกันภัยต่าง ๆ ที่จะรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย กลุ่มลูกค้าหลักที่ธุรกิจมีอยู่ ยังมีแนวทาง และยังมีโอกาสอีกมากที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองกับความต้องการแบบเฉพาะเจาะจงได้เป็นอย่างดี

ธุรกิจค้าส่งสินค้าไอที (Distributor)

เนื่องจากทางบริษัทประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนแบบครบวงจรทั้งมีหน้าร้าน ทั้งช่องทางการขายแบบออนไลน์ และช่องทางการขายแบบB2B แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเล็งเห็นโอกาสสำหรับช่องทางค้าส่งสินค้าประเภทสมาร์ทโฟน ซึ่งในปัจจุบันช่องทางการค้าสินค้าสมาร์ทโฟนยังมีกลุ่มช่องทางการค้าดั้งเดิม(ดีลเลอร์ลูกตู้)ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งยังถือเป็นกลุ่มช่องทางขนาดใหญ่ และยังเป็นช่องทางการค้าที่แข็งแรง ทางบริษัทจึงมองเห็นโอกาสสำหรับช่องทางการขายดั้งเดิมนี้

ปัจจุบันบริษัท มีสาขาให้บริการกว่า 1,000 สาขา ทั่วไปประเทศ